สุรินทร์ร่วมกับพัมพูชา ส่งแรงงานชาวกัมพูชากลับประเทศกว่า 2,300 ราย หลังคลายล็อกดาวน์ชายแดน 15-19 ส.ค.
กองกำลังสุรนารี ประสานความร่วมมือกับจังหวัดอุดรมีชัย ราชอาณาจักรกัมพูชา ในการส่งตัวแรงงานชาวกัมพูชา กว่า 2,300 ราย กลับประเทศ หลังคลายล็อกดาวน์ชายแดน ตั้งแต่วันที่ 15-19 สิงหาคม 64 พร้อมเข้มมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิค – 19 ตลอดแนวชายแดน ที่หน่วยประสานงานพื้นที่ตระเวนชายแดนไทย-กัมพูชา อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ พลตรีอดุลย์ บุญธรรมเจริญ ผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี ลงพื้นที่ร่วมกับตำรวจตรวจคนเข้าเมืองด่านถาวรช่องจอม อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ เพื่อรับทราบสถานการณ์การดำเนินการส่งตัวแรงงานชาวกัมพูชา กลับประเทศหลังทางฝั่งประเทศกัมพูชาได้ออก พรก.ฉุกเฉินห้ามเดินทางข้ามจังหวัด ตั้งแต่วันที่ 30 ก.ค.64 ที่ผ่านมาเป็นระยะเวลา 14 วัน จึงส่งผลให้มีชาวกัมพูชาที่ยังตกค้างอยู่ฝั่งจังหวัดสุรินทร์ รอเดินทางข้ามไปยังประเทศกัมพูชาเป็นจำนวนมาก
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 15 สิงหาคม 2564 ถึงวันที่ 19 มิถุนายน 2564 รวม 5 วัน มีชาวกัมพูชาเดินทางกลับประเทศแล้วทั้งสิ้น 2,300 คน โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ได้เร่งผลักดันชาวกัมพูชากลับประเทศ โดยทางประเทศกัมพูชาได้มีการตั้งด่าน ตรวจหาเชื้อโควิด-19 แก่แรงงานที่เดินทางเข้าประเทศก่อนทุกราย ในการนี้พลตรีอดุลย์ บุญธรรมเจริญ ได้มอบสิ่งของบำรุงขวัญ หน้ากากอนามัย แอลลกอฮอล์ และชุด PPE แก่เจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานด้วย
พลตรีอดุลย์ บุญธรรมเจริญ ผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี กล่าวว่า กองกำลังสุรนารี ได้สนับสนุนภารกิจการติดตั้งโรงพยาบาลสนาม เป็นจำนวนหลายแห่ง ทั้งในพื้นที่ จังหวัดสุรินทร์ บุรีรัมย์ ศรีสะเกษ และจังหวัดอุบลราชธานี โดยได้นำรถแพทย์สนาม จากกองพันเสนารักษ์ ที่ 6 ,หน่วยเฉพาะกิจที่ 2,มณฑลทหารบกที่ 25 ร.23.พัน 3 ในภารกิจช่วยเหลือผู้ป่วยติดเชื้อโควิด -19 ที่ต้องการเดินทางกลับบ้าน โดยจัดแบ่งเป็นชุด รับ-ส่ง จากกรุงเทพมหานคร สู่ภูมิลำเนาจังหวัดสุรินทร์ ตามนโยบายกองทัพบ และได้เน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานในพื้นที่ชายแดน รวมทั้งการผ่านเข้า-ออก ต้องปฏิบัติอย่างเคร่งครัดตามมาตรการทุกขั้นตอน ให้มีข้อมูลที่สามารถตรวจสอบได้ทั้งระบบ โดยต้องบูรณาการช่วยกันทุกหน่วยงานที่รับผิดชอบในแต่ละหน้าที่หากมีปัญหาให้หารือพูดคุยกัน มองว่าสถานการณ์โควิด-19 คือภัยคุกคามของประเทศอย่างหนึ่ง
